5 ปัญหารถยนต์ที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
5 ปัญหารถยนต์ที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข
ในทุกๆ วัน การใช้งานรถยนต์มักจะเจอกับปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางปัญหาสามารถแก้ไขได้ง่าย แต่บางปัญหาอาจต้องได้รับการดูแลจากช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ มาดูกันว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่เจ้าของรถยนต์ควรรู้และควรแก้ไขอย่างไร
1. แบตเตอรี่เสื่อมและไฟไม่พอ
ปัญหา: แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับการสตาร์ทรถยนต์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถ ถ้าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมจะส่งผลให้สตาร์ทรถไม่ติด หรือไฟหน้ารถสว่างน้อยลง รวมถึงปัญหาอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถไม่ทำงาน เช่น เครื่องเสียงหรือแอร์
สาเหตุ: สาเหตุหลักมาจากการที่แบตเตอรี่มีอายุมากเกินไปหรือการใช้งานที่หนัก เช่น การเปิดแอร์หรือวิทยุขณะดับเครื่องยนต์
วิธีแก้ไข: ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกๆ 2-3 ปี หรือถ้าเริ่มมีปัญหาการสตาร์ทยาก ควรเช็คสภาพแบตเตอรี่และตรวจสอบระดับไฟฟ้า นอกจากนี้ควรปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อดับเครื่องยนต์เพื่อรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพดี
วิธีป้องกัน: หมั่นตรวจสอบแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนการเดินทางไกล ถ้าแบตเตอรี่มีอายุมากกว่าที่แนะนำ ควรเปลี่ยนใหม่ก่อนเกิดปัญหาจริง
2. หัวเทียนบอดหรือเสื่อม
ปัญหา: หัวเทียนมีหน้าที่จุดเชื้อเพลิงในกระบอกสูบของเครื่องยนต์ หากหัวเทียนบอดหรือเสื่อม จะทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์วิ่งอืด เร่งไม่ขึ้น หรือกินน้ำมันมากขึ้น
สาเหตุ: เกิดจากการใช้งานนานเกินไปโดยไม่เคยเปลี่ยนหัวเทียน หรือน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำที่มีสิ่งสกปรกทำให้หัวเทียนเสียหาย
วิธีแก้ไข: ควรเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ตามรอบการใช้งานที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ ซึ่งโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 20,000 ถึง 100,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับประเภทของหัวเทียน
วิธีป้องกัน: การใช้เชื้อเพลิงคุณภาพดีและหมั่นตรวจสอบหัวเทียนทุกครั้งที่ทำการบำรุงรักษารถจะช่วยให้หัวเทียนอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้นานขึ้น
3. เครื่องยนต์ร้อนเกินไป
ปัญหา: การที่เครื่องยนต์มีความร้อนสูงเกินไปอาจเกิดจากระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำงานไม่ดีพอ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์
สาเหตุ: สาเหตุที่พบบ่อยคือการรั่วซึมหรือขาดน้ำหล่อเย็นในระบบ หรือพัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน นอกจากนี้อาจเกิดจากหม้อน้ำที่มีสิ่งสกปรกอุดตัน
วิธีแก้ไข: หยุดรถทันทีเมื่อพบว่าเครื่องยนต์ร้อนเกินไป ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและเติมถ้าพบว่าระดับต่ำ ควรตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรนำรถเข้าศูนย์บริการ
วิธีป้องกัน: หมั่นเช็คน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดหม้อน้ำทุกๆ ปี นอกจากนี้ควรตรวจสอบพัดลมระบายความร้อนและเทอร์โมสตัทให้ทำงานปกติ
4. ยางรั่วหรือแบน
ปัญหา: ยางแบนหรือรั่วเกิดได้บ่อยกับทุกคนและเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการขับขี่มาก เพราะอาจทำให้รถเสียการควบคุมหรือยางระเบิดขณะขับขี่
สาเหตุ: ยางเสื่อมสภาพเพราะใช้งานนานเกินไป หรือโดนวัตถุแหลมคมแทงทะลุ เช่น ตะปูหรือหินเล็กๆ นอกจากนี้ การเติมลมยางไม่เหมาะสมก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ยางแบนหรือเสื่อมเร็ว
วิธีแก้ไข: ถ้ายางรั่วให้ใช้ชุดซ่อมยางหรือเปลี่ยนยางสำรองในกรณีฉุกเฉิน แต่ถ้ายางแบนเพราะสภาพยางไม่ดี ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที
วิธีป้องกัน: ตรวจเช็คแรงดันลมยางให้เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เสมอ หลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่มีวัตถุแหลมคม และเปลี่ยนยางเมื่อครบอายุการใช้งานหรือทุกๆ 40,000 ถึง 50,000 กิโลเมตร
5. เบรกไม่ทำงานหรือเสื่อมสภาพ
ปัญหา: ระบบเบรกมีความสำคัญสูงสุดในการควบคุมรถ หากเบรกทำงานไม่เต็มที่หรือไม่ทำงาน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรง
สาเหตุ: เกิดจากการสึกหรอของผ้าเบรกหรือดิสก์เบรกเมื่อใช้งานนานเกินไป หรือการรั่วของน้ำมันเบรกในระบบ นอกจากนี้ อาจมีสิ่งสกปรกหรือสนิมที่ทำให้เบรกจับไม่เต็มที่
วิธีแก้ไข: ถ้ารู้สึกว่าเบรกไม่หนึบ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คระบบเบรก และเปลี่ยนผ้าเบรกหากจำเป็น นอกจากนี้ ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรกอยู่เสมอ
วิธีป้องกัน: หมั่นตรวจสอบผ้าเบรกและดิสก์เบรกทุกครั้งที่ทำการบำรุงรักษารถ และควรเปลี่ยนเมื่อถึงระยะใช้งานที่แนะนำ รวมถึงตรวจสอบระบบน้ำมันเบรกและไม่ปล่อยให้น้ำมันเบรกแห้ง
บทสรุป: ปัญหารถยนต์เหล่านี้เป็นปัญหาที่เจ้าของรถทุกคนควรให้ความสำคัญ การตรวจเช็คและบำรุงรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
ติดตามเราได้ที่ : facebook.com/isuzupathomyontrakarn
บทความและสาระดีๆ https://www.isuzupathomyon.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1