ถุงลมนิรภัยทำงานไม่สมบูรณ์
ถุงลมนิรภัย ทำงานไม่สมบูรณ์ใครเป็นผู้รับผิดชอบ
ความรับผิดชอบจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย: กรณีศึกษาการใช้รถยนต์
ในชีวิตประจำวัน เราต้องใช้สินค้ามากมายทั้งเพื่อบริโภคและอุปโภค ซึ่งบางครั้งสินค้าที่เราซื้ออาจก่อให้เกิดปัญหาหรืออันตรายต่อผู้ใช้หรือบุคคลอื่นได้ ดังนั้น การรู้ถึงสิทธิ์และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดความเสียหายจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ
กรณีศึกษาจากเหตุการณ์จริง
นางจันทร์ (นามสมมุติ) และนายอังคาร (นามสมมุติ) เป็นคู่สามีภรรยาที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่จากโชว์รูมแห่งหนึ่งของบริษัท ก. หลังจากที่พนักงานขายได้นำเสนอคุณสมบัติที่ดีของรถยนต์รุ่นหนึ่ง โดยเน้นย้ำว่ารถมีความปลอดภัยสูงและติดตั้งถุงลมนิรภัยป้องกันการกระแทก อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยของรถกลับทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้นางจันทร์และนายอังคารได้รับบาดเจ็บรุนแรง
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การฟ้องร้องบริษัท ก. ที่ขายรถยนต์ดังกล่าว บริษัท ข. ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย และบริษัท ค. ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กรณีที่สินค้าก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคหรือบุคคลอื่น มีพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายสำคัญที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ โดยหากสินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าที่ไม่ปลอดภัยและทำให้เกิดความเสียหาย ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ประกอบการได้
ผู้ประกอบการที่ต้องรับผิดตามกฎหมายนี้ประกอบด้วย:
1.ผู้ผลิต หรือผู้ว่าจ้างให้ผลิต
2.ผู้นำเข้า
3.ผู้ขายสินค้าที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต หรือผู้นำเข้าได้
4.ผู้ที่ใช้ชื่อ ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า หรือข้อความที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต หรือผู้นำเข้า
การรับผิดชอบในกรณีของนางจันทร์
ในกรณีนี้ นางจันทร์ฟ้องเรียกร้องให้บริษัท ก., บริษัท ข., และบริษัท ค. ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ตามพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ผู้ขายจะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อไม่สามารถระบุตัวผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างให้ผลิต หรือผู้นำเข้าได้เท่านั้น เมื่อสามารถระบุตัวผู้ผลิตได้เช่นในกรณีนี้ บริษัท ก. และบริษัท ข. จึงไม่ต้องรับผิดตามกฎหมายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมายสินค้าที่ไม่ปลอดภัย แต่หากสินค้าไม่ได้เป็นไปตามคำโฆษณาหรือรับรองไว้ เช่น รถยนต์ที่โฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูงและมีถุงลมนิรภัยป้องกันการกระแทก ผู้ขายอาจยังต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ขายสินค้าเช่นกัน
สรุป
กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ผู้บริโภคควรตระหนักถึงสิทธิ์ของตนเมื่อเกิดความเสียหายจากการใช้สินค้า และผู้ผลิตรวมถึงผู้ประกอบการควรมีความรับผิดชอบต่อสินค้าที่จำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
(อ้างอิง: คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2566)